การป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากสื่อลามกอนาจารในเด็กและเยาวชน

ดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ PDF

สรุปสาระสำคัญ

โครงการ “สร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายเพื่อป้องกัน คุ้มครอง และฟื้นฟูเยียวยาเด็กและเยาวชนจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในสื่อสังคมออนไลน์” เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มพุทธรักษา CP 4 ภายใต้หลักสูตรการป้องกันอาชญากรรมกับการอำนวยความยุติธรรมในสังคม วิทยาลัยกิจการยุติธรรม สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมทางเพศต่อเด็กและเยาวชนในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบริบทของสังคมดิจิทัลในประเทศไทยที่เด็กไทยใช้เวลาหน้าจอเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และมักเผชิญกับภัยคุกคามต่างๆ เช่น การรังแกในโลกไซเบอร์ (Cyberbullying) การล่อลวง การส่งภาพลามก (Sexting) และการแบล็คเมล์ทางเพศออนไลน์ (Sextortion) โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 5 ประการ ได้แก่ (1) การสร้างภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนในรูปแบบศูนย์กลาง (HUB) บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน, (2) การสร้างภูมิคุ้มกันทางความรู้แก่เด็กและเยาวชนเพื่อรู้เท่าทันภัยออนไลน์, (3) การปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ, (4) การฟื้นฟูเยียวยาเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบ, และ (5) การพัฒนาระบบป้องกันภัยและปกป้องผู้เสียหายด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมหลักประกอบด้วยการจัดตั้งคณะทำงาน ดำเนินการประชุมร่วมกับหน่วยงานรัฐและองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร เช่น มูลนิธิพิทักษ์สตรี, มูลนิธิคุ้มครองเด็ก, มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ฯลฯ รวมถึงการสร้างเว็บไซต์ศูนย์กลางสำหรับภาคีเครือข่าย และการติดตามผลด้วยจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ กลุ่มเป้าหมายของโครงการ ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย และองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไรที่ทำงานเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยวางเป้าหมายให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ และมี HUB ที่ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูล โครงการนี้เชื่อมโยงกับกระบวนการยุติธรรมในหลายมิติ เช่น การบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิด การป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก การส่งเสริมการรู้สิทธิของเยาวชน การพัฒนาการเข้าถึงความยุติธรรมผ่านเทคโนโลยี การทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจ อัยการ ศาล และหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ โดยโครงการยังสะท้อนหลักทฤษฎีทางอาชญาวิทยา เช่น ทฤษฎีหน้าต่างแตก ทฤษฎีเลียนแบบ ทฤษฎีวุฒิภาวะ และทฤษฎีป้องกันอาชญากรรมผ่านการออกแบบสิ่งแวดล้อม ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ ได้แก่ 1) การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วและครอบคลุมของภาคีเครือข่ายในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในสื่อสังคมออนไลน์, 2) เด็กและเยาวชนมีความรู้และตระหนักในการป้องกันตัวจากภัยออนไลน์, 3) ลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อ และ 4) ส่งเสริมความสามารถของเด็กที่ได้รับผลกระทบให้สามารถพึ่งพาตนเองในสังคมได้อย่างมีความสุข ในภาพรวม โครงการนี้เป็นแนวทางเชิงบูรณาการในการป้องกันอาชญากรรมทางเพศในเด็กและเยาวชน ที่ไม่เพียงแต่เน้นการบังคับใช้กฎหมาย แต่ยังพัฒนาเครือข่าย การรับรู้ และการฟื้นฟูเยียวยาในระดับสังคมอย่างเป็นระบบ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด “การป้องกันไว้ก่อน” มากกว่าการเยียวยาหลังเหตุการณ์ พร้อมทั้งยึดหลักสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองเด็กเป็นแกนหลัก

กลุ่มเป้าหมายของโครงการ

เด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อ, หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย, องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรที่ดูแลด้านเด็กและเยาวชน, ผู้ให้บริการด้านสื่อออนไลน์

ความเกี่ยวโยงกับกระบวนการยุติธรรม

โครงการเชื่อมโยงกับกระบวนการยุติธรรมทั้งในด้านการบังคับใช้กฎหมาย (ตำรวจ อัยการ ศาล), การให้ความรู้ด้านสิทธิ, การส่งเสริมเทคโนโลยีในการเข้าถึงความยุติธรรม, การลดช่องว่างในการดำเนินคดีอาชญากรรมทางเพศ, และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน

ผลลัพธ์ของโครงการ

1. มีศูนย์กลางข้อมูล (HUB) สำหรับภาคีเครือข่าย 2. เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน 3. เด็กและเยาวชนสามารถระวังและป้องกันภัยได้ดีขึ้น 4. ผู้เสียหายสามารถเข้าถึงการเยียวยาได้ทันเวลา 5. ปริมาณอาชญากรรมลดลง

คำสำคัญ

  • กระบวนการยุติธรรม
  • การคุ้มครองสิทธิ
  • การป้องกันอาชญากรรม
  • การฟื้นฟู
  • ความปลอดภัยข้อมูล

การตอบเป้าหมายตามแผนพัฒนา

  • การบังคับใช้กฎหมายตามเจตนารมณ์ - โครงการมุ่งเน้นให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในโลกออนไลน์ ผ่านการร่วมมือของตำรวจ อัยการ ศาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • การยกระดับกลไกการทํางานเชิงเครือข่าย - โครงการจัดตั้ง HUB ภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน รวมถึงมีการประสานความร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อสร้างกลไกป้องกันอาชญากรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การปฏิบัติต่อผู้กระทําผิดบนหลักสิทธิมนุษยชน - เน้นการให้ความรู้ ความเข้าใจในการจัดการกับผู้กระทำผิดโดยไม่ละเมิดสิทธิ ทั้งยังยึดหลักสิทธิมนุษยชนในการดูแลเหยื่อเด็กและเยาวชน
  • การเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยี - มีการพัฒนาเว็บไซต์และศูนย์กลางข้อมูลออนไลน์ (HUB) เพื่อใช้ในการประสานข้อมูล การให้ความรู้ และการเฝ้าระวังความเสี่ยงจากภัยออนไลน์