กระบวนการยุติธรรมในการป้องปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ PDF

สรุปสาระสำคัญ

รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของกระบวนการยุติธรรมในการป้องกันอาชญากรรมที่เกิดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการหลอกลวงประชาชนให้สูญเสียทรัพย์สิน โดยเฉพาะการหลอกให้โอนเงินผ่านระบบโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ในบริบทของประเทศไทย การใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ประชาชนตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพได้ง่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐหรือบริษัทเอกชนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วดำเนินการโน้มน้าวให้ผู้เสียหายโอนเงินออกจากบัญชีของตน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสุขภาพจิตของประชาชน การศึกษานี้ดำเนินการด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การศึกษาจากเอกสารและการสนทนากลุ่ม โดยอ้างอิงทฤษฎี CHEERS ทฤษฎีสามเหลี่ยมอาชญากรรม ทฤษฎีอาชญาวิทยา และกรอบแนวทางในการป้องกันอาชญากรรม เพื่อวิเคราะห์ถึงขนาดของปัญหา สาเหตุ พฤติกรรมการก่อเหตุ และช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบัน ปัญหาหลักคือ ความสลับซับซ้อนของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ต่างประเทศ มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจนระหว่างผู้ติดต่อเหยื่อ กลุ่มจัดหาบัญชีธนาคาร กลุ่มถอนเงิน (ม้าถอนเงิน) และกลุ่มฟอกเงินผ่านโพยก๊วนหรือคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะการโทรผ่านระบบ VoIP ซึ่งยากแก่การติดตามตัวและหลีกเลี่ยงการตรวจสอบหมายเลขต้นทาง ปัจจุบัน รัฐมีมาตรการบางประการ เช่น การเปิดช่องทางแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ การตั้งสายด่วน การเปิดให้ฟ้องร้องทางอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบ E-Identity โดยธนาคารไทย อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักยังคงอยู่ที่อำนาจในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งกระจัดกระจาย และต้องดำเนินการผ่านสนธิสัญญาความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ (MLAT) ที่ใช้เวลานาน อีกทั้งบทลงโทษในกฎหมายปัจจุบันยังไม่รุนแรงเพียงพอที่จะเป็นเครื่องมือในการยับยั้งอาชญากรรม คณะผู้ศึกษาเสนอแนะว่า ต้องมีการพัฒนากฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจในการสอบสวนคดีข้ามชาติให้กับพนักงานสอบสวนไทยโดยไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด รวมทั้งปรับแก้กฎหมายให้พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และควรตรากฎหมายใหม่เพื่อป้องกันการสนับสนุนทางการเงินแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังเสนอให้มีมาตรการควบคุมผู้ให้บริการระบบ VoIP ต่างประเทศให้ต้องลงทะเบียนกับหน่วยงานรัฐไทย และมีระบบป้องกันการปลอมหมายเลขโทรศัพท์ การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงการสร้างกลไกในการฟื้นฟูจิตใจผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ ผลที่คาดหวังจากการดำเนินโครงการนี้ คือ การลดจำนวนอาชญากรรมจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม ความมั่นคงของรัฐ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า ระบบยุติธรรมสามารถปกป้องสิทธิและทรัพย์สินของตนได้ โครงการนี้ยังมีศักยภาพในการเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียที่เผชิญปัญหาเดียวกัน และสามารถขยายผลในระดับสากล โดยการใช้เทคโนโลยีและกฎหมายอย่างสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ

กลุ่มเป้าหมายของโครงการ

ประชาชนทั่วไปที่ใช้อุปกรณ์สื่อสาร, ผู้ที่ใช้บัญชีธนาคาร, หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง, ผู้มีความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์, ผู้เกี่ยวข้องกับระบบการเงินและสถาบันทางกฎหมาย

ความเกี่ยวโยงกับกระบวนการยุติธรรม

โครงการเกี่ยวข้องโดยตรงกับการบังคับใช้กฎหมายอาญา การสอบสวน สืบสวน การรับฟ้องคดี การบังคับคดี รวมถึงการเสนอแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมในทุกมิติ

ผลลัพธ์ของโครงการ

มีแนวทางเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับคดีอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์, ข้อเสนอการพัฒนาเครื่องมือป้องกันและสืบสวน, พัฒนาระบบตรวจสอบตัวตนทางดิจิทัล, เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน, ประชาชนสามารถฟ้องร้องผ่านระบบออนไลน์ได้

คำสำคัญ

  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์
  • การฟอกเงิน
  • กระบวนการยุติธรรม
  • อาชญากรรมข้ามชาติ
  • บัญชีม้า

การตอบเป้าหมายตามแผนพัฒนา

  • การมีกฎหมายดี ที่จําเป็น ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทของสังคม - โครงการนี้เน้นการเสนอแนะแนวทางปรับปรุงกฎหมาย เช่น การแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุมการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ในปัจจุบัน
  • การบังคับใช้กฎหมายตามเจตนารมณ์ - เนื้อหาหลักกล่าวถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการสอบสวน สืบสวน และการดำเนินคดีเพื่อให้สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการบังคับใช้กฎหมายอย่างแท้จริง
  • การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและเท่าเทียม - มีการเสนอช่องทางให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องผ่านระบบออนไลน์ได้โดยไม่ต้องไปศาลเอง รวมถึงการตั้งสายด่วนและเว็บไซต์ตรวจสอบเพื่ออำนวยความสะดวกในการร้องเรียน
  • การเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยี - โครงการเสนอการพัฒนาระบบพิสูจน์ตัวตน E-Identity การใช้ระบบ VoIP ในการหลอกลวง และมาตรการบังคับให้ผู้ให้บริการเทคโนโลยีต้องลงทะเบียน ทำให้การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันอาชญากรรม