มาตราการป้องกันการกระทำผิดซ้ำของผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยประเภทยาบ้า

ดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ PDF

สรุปสาระสำคัญ

โครงการถอดบทเรียนมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำของผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยประเภทยาบ้า มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบันว่ามีความเหมาะสมและเพียงพอหรือไม่ ผ่านการวิจัยเอกสารและการศึกษาสถิติต่าง ๆ พบว่าการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหลังปล่อยตัวยังคงสูงมาก โดยเฉพาะในคดียาเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) โครงการนี้เสนอแนวทางปรับปรุงมาตรการโดยเฉพาะด้านการเพิ่มโทษ การส่งเสริมอาชีพใหม่ให้ผู้พ้นโทษ การติดตามผู้พ้นโทษด้วยระบบ GIS และการปลูกฝังค่านิยมเชิงบวกในชุมชน ประเทศไทยเผชิญปัญหายาเสพติดมายาวนาน โดยเฉพาะยาบ้าที่มีการแพร่ระบาดสูงและเชื่อมโยงกับอาชญากรรมในสังคมหลายรูปแบบ ทั้งการค้าข้ามชาติ การฟอกเงิน และความรุนแรงทางสังคม แม้ว่าจะมีการกำหนดกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ในปี 2564 แต่ยังพบว่าผู้กระทำผิดซ้ำยังมีอัตราสูงที่สุด (66.34%) แสดงให้เห็นว่ามาตรการปัจจุบันยังไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำผิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการวิเคราะห์พบว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการกระทำผิดซ้ำ ได้แก่ ความยากจน ค่านิยมที่ผิดเกี่ยวกับการหารายได้ง่ายจากการค้ายาเสพติด การขาดโอกาสประกอบอาชีพที่สุจริต และการขาดการสนับสนุนจากสังคมหลังพ้นโทษ รวมถึงความสะดวกของเครือข่ายการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กลุ่มผู้จัดทำเสนอ 2 ชุดมาตรการหลัก คือ มาตรการเร่งด่วน เช่น การแก้ไขบทกฎหมายเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ การส่งเสริมอาชีพแบบแฟรนไชส์ให้ผู้พ้นโทษ การลดภาษีให้กับผู้ว่าจ้าง และการปลูกฝังค่านิยมการดำรงชีวิตอย่างสุจริต และมาตรการลำดับรอง เช่น การใช้ระบบ GIS เพื่อติดตามผู้พ้นโทษ การปรับปรุงการประเมินความพร้อมก่อนปล่อยตัว และการสร้างเมืองต้นแบบปลอดยาเสพติดด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ การศึกษาเปรียบเทียบกับแนวทางของประเทศอื่น ๆ เช่น โปรตุเกส ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ แสดงให้เห็นว่าการลดโทษ การบำบัดฟื้นฟู และการใช้มาตรการทางเลือกแทนการลงโทษทางอาญาสำหรับผู้เสพและผู้ครอบครองยาในปริมาณเล็กน้อย ช่วยลดอัตราการกระทำผิดซ้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการถอดบทเรียนครั้งนี้ สรุปได้ว่าการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดซ้ำของผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยต้องใช้มาตรการแบบองค์รวมที่บูรณาการหลายด้าน ทั้งด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และการใช้เทคโนโลยีควบคู่กัน และต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างระบบป้องกันที่ยั่งยืนในระยะยาว

กลุ่มเป้าหมายของโครงการ

ผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยประเภทยาบ้า, ผู้ต้องขังที่พ้นโทษ, ชุมชนที่มีความเสี่ยง, หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม, เครือข่ายภาคประชาชน

ความเกี่ยวโยงกับกระบวนการยุติธรรม

โครงการนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการยุติธรรมในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำของผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยการเสนอแนวทางเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ ปรับปรุงมาตรการฟื้นฟูและติดตามผู้พ้นโทษ เพื่อสร้างความยุติธรรมและความปลอดภัยในสังคม

ผลลัพธ์ของโครงการ

1. ได้ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อปรับปรุงกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ให้มีบทลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำที่เหมาะสม 2. ได้มาตรการใหม่ด้านส่งเสริมอาชีพและการติดตามผู้พ้นโทษที่สามารถนำไปใช้ได้จริง 3. ช่วยสร้างแนวคิดและกลไกใหม่ในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ เช่น การใช้ระบบ GIS ในการเฝ้าระวัง 4. ต่อยอดความรู้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงระบบและยั่งยืน 5. วางรากฐานการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการกลับไปกระทำผิดซ้ำของผู้พ้นโทษ

คำสำคัญ

  • การกระทำผิด
  • การป้องกันอาชญากรรม
  • การบังคับใช้กฎหมาย
  • กระบวนการยุติธรรม
  • ความยุติธรรม

การตอบเป้าหมายตามแผนพัฒนา

  • การบังคับใช้กฎหมายตามเจตนารมณ์ - โครงการเน้นการเสนอให้แก้ไขกฎหมายยาเสพติดเพื่อเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ และเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อลดการกระทำผิดซ้ำในคดียาเสพติด
  • การมีกฎหมายดี ที่จําเป็น ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทของสังคม - โครงการระบุชัดว่าประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ยังมีจุดอ่อน และเสนอให้ปรับปรุงบทลงโทษให้เหมาะสมกับปัญหาการกระทำผิดซ้ำในปัจจุบัน
  • การเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยี - โครงการเสนอให้ใช้ระบบ GIS เพื่อติดตามผู้พ้นโทษอย่างเป็นระบบ เพื่อลดการกระทำผิดซ้ำ ถือเป็นการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเชิงรุกในการบริหารจัดการกระบวนการยุติธรรม
  • การสร้างวัฒนธรรมเคารพกฎหมาย - โครงการเสนอการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในชุมชน เช่น การอบรมให้ผู้พ้นโทษเห็นคุณค่าการทำงานสุจริต และการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังในชุมชน